วันนี้เรามีเรื่องราวเกี่ยวกับแตงโม วิธีการเลือกซื้อแตงโม และ เรื่องราวของแตงโมกับการใช้สารเคมี
ดังคำที่บอกกันมาว่า แตงโมผลใหญ่ๆ เก็บเอาไว้อยู่ในตู้เย็น !! อ๋อ ไม่ใช่
- ข้อที่ 1 ถูก ลายที่ “ก้น” ของแตงโมถ้าเส้นที่ก้นชิดกันมากๆ แสดงว่าสุกดีแล้ว
แต่ถ้าเป็นลายเส้น “ตรงกลางลูก” ยิ่งห่างจะยิ่งดีครับ แต่ข้อนี้คนซื้อทั่วไปที่ไม่ใช่ชาวสวนคงแยกไม่ออก
เพราะแตงโมแผงย่อยส่วนใหญ่มันก็สุกเต็มที่แล้ว ลายมันก็พอๆกันหมดทั้งแผงนั้นแหละ
– ข้อที่ 2 ก้านยิ่งงอยิ่งหวาน แตงโมแรกติดลูกก้านจะตรงครับ แต่พอโตไปเรื่อยๆ
จนถึงอายุที่จะเก็บได้ ก้านจะงอเข้าหาลูก ตรงข้อนี้นอกจะคนซื้อจะมองได้ชัดเจนแล้ว
ชาวสวนยังในเป็นจุดสังเกตุกับลูกที่ไม่แน่ใจว่าสุกรึเปล่าร่วมไปกับการตบฟังเสียงครับ
– ข้อที่ 3 อันนี้แน่นอน เพราะแตงโมแรกติดลูกสีผิวจะอ่อน แต่พอสุกเต็มที่สีจะเข้มขึ้น
แต่ไม่ใช่จุดสังเกตที่ดีสำหรับคนซื้อ เพราะอย่างแรกคนซื้อไม่เคยเห็นถึงความแตกต่างอย่างที่ชาวสวนเห็น
และถ้าจะเปรียบเทียบกะลูกข้างๆที่ว่างอยู่ก็น่าจะลำบากเพราะสีผิวคงพอๆกันนั้นแหละ
ข้อสอง แตงโมมีหลายสายพันธุ์ สีผิวของแต่ละสายพันธุ์ก็จะแตกต่างกันไปด้วย
สุดท้าย เส้นยิ่งสวยยิ่งอร่อย อันนี้แน่นอน เพราะบ่งบอกถึงความสมบุรณ์ของแตงโม
ว่าได้รับน้ำและปุ๋ยเต็มที่รึเปล่า ก็เหมือนคนถ้าบำรุงร่างกายให้ดี ผิวพรรณก็จะดูดี แตงโมก็เหมือนกัน
คำแนะนำสำหรับคนซื้อแตงโม ตามแผงย่อย ไม่ว่าจะในห้างหรือตลาดนัดหรือจะที่ไหนก็แล้วแต่
– 1 ควรซื้อลูกใหญ่ไว้ก่อน เพราะ นั้นหมายถึงความสมบูรณ์ที่แตงโมลูกนั้นได้รับมีมาก แล้วใหญ่ขนาดไหน ?
ก็ 4 กิโลขึ้น กำลังดีครับ ถ้ากังวลว่าจะทานไม่หมดก็ผ่าแล้วเก็บไว้ในตู้เย็น แตงโมเป็นผลไม้ที่มีน้ำเยอะ
จึงเก็บไว้ได้นานพอสมควรโดยไม่เสียรสเท่าไหร่ แต่ต้องแช่เย็นนะครับ
– 2 ดูที่ก้านครับ ก้านงอยิ่งงอมากยิ่งดี หลายคนงงว่าก้านงอมันงอแบบไหน เด๋วผมจะลงรูปไว้ให้ครับ
แล้วถ้าไม่มีก้านหละ อาจเกิดจากตอนเก็บเกี่ยวที่อาจจะทำให้ก้านหลุดไป
หรืออาจจะยังไม่สุกดีเท่าไหร่ เลยดึงจุดสังเกตออกไป ถ้าเห็นว่าไม่มีก้านก็อย่างเพิ่งซื้อครับ กันเหนียวไว้ก่อน
สำหรับหลายคนที่กังวลเกียวกับการใช้สารเคมี ผมเองถึงจะไม่ได้ปลูกเอง แต่พ่อกะแม่ก็ปลูกแตงโมมาเกือบจะ 20 ปีแล้ว
เรียกได้ว่าโตมาบนกองแตงโมเลยก็ว่าได้ จึงได้รู้ได้เห็นพอสมควร แตงโมเป็นผลไม้ที่ใช้สารเคมีเยอะพอสมควร
แต่สารเคมีที่ใช้ก็มีทั้งทีจำเป็นและไม่จำเป็น ที่จำเป็นก็คือ พวกอาหารเสริมทางใบทั้งหลาย ก็แหมคนยังมีอาหารเสริมเลย
แล้วพืชทำไมจะมีไม่ได้ ที่บอกว่าจำเป็นก็เพราะถ้าใช้แต่ปุ๋ยอย่างเดียวมันก็บำรุงได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่ ช่วงแรกก็บำรุงใบ ลำต้น
พอมีดอกก็บำรุงดอก พอติดลูกก็ต้องบำรุงไปตามระยะ สารบางอย่างยาบางตัวก็เหมาะกะการฉีดพ่นมากกว่า ก็เหมือนคนนั้นแหละครับ
มีทั้งยาน้ำ ยาเม็ด ยาฉีด ยาแต่ละอย่างมันก็เหมาะกะวิธีที่แตกต่างกัน ส่วนสารเคมีที่ไม่จำเป็นแต่ก็ต้องใช้ก็คือ พวกยากำจัดโรคและศัตรูพืชทั้งหลายนั้นแหละครับ
ถ้าไม่มีศัตรูพืช ชาวสวนเค้าก็ไม่อยากฉีดกันหรอกครับเพราะยามันก็ไม่ใช่ถูกๆ ขวดนึงเป็นหลักร้อยหลักพันและใช่ว่าขวดเดียวจะพอเพราะพื้นที่มันกว้าง
เพิ่มต้นทุนเข้าไปอีก อีกอย่างเดินพ่นยาก็ไม่ใช่ว่าสนุก ทั้งหนักทั้งเหนื่อย ร้อนด้วย แต่ถ้ามันเกิดโรคหรือมีแมลงศัตรูพืชขึ้นมามันก็ต้องใช้
เพราะลงทุนไปมันก็อยากได้ผลกำไรกันทั้งนั้นอันนี้อยากให้ผู้บริโภคเข้าใจ แต่อย่างพ่อผมจะไม่พยายามใช้สารเคมีจำพวกกำจัดศัตรูพีชเลยถ้าไม่จำเป็น
เพราะแน่นอนว่ามันไม่ดีสำหรับคนกิน แต่ที่แน่นอนกว่านั้นคือชาวสวนเองโดนไปเต็มๆเหมือนกัน
ต่อให้ใส่ชุดป้องกันเต็มที่ขนาดไหน ยังไงมันก็ต้องมีโดนกันบ้างอยู่แล้วครับ ( จากการเล่ามาของคุณ Neung Ch )
เมื่อรู้แล้วว่าสารเคมีแล้วจะทำยังไง
ก่อนการเก็บเกี่ยวจะมีช่วงเว้นยา หมายถึง งดพ่นงดฉีดยาทุกประเภท ช่วงนี้ผมไม่แน่ใจว่านานเท่าไหร่ ต้องถามพ่ออะนะ 555
แต่ก็หลายวันอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นในช่วงเก็บเกียวยังคงมีตกค้างอยู่แน่นอน แต่พอเก็บไปแล้วก็ใช่ว่าแตงโมเหล่านั้นจะไปถึงตลาดนัด
หรือ ห้างที่เอาไปขายปลีกทันที เพราะพ่อค้าคนกลางจะเอาไปคัดและแยกขนาดอีกที เพื่อขายให้แม่ค้าปลีก
ระยะเวลาจากพ่อค้าคนกลางไปถึงผู้บริโภคจะช้าจะเร็วก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและกลไกของการตลาดแต่ละที่นะครับ
สารเคมีที่ตกค้างจะน้อยลงไปเรื่อยๆ จนไปถึงมือผู้บริโภคนั้นแหละครับ แต่ปลอดภัยไว้ก่อนก็ต้องล้างก่อนกิน แช่น้ำไว้ซักพักเลยก็ได้
แช่ไปทั้งลูกนั้นแหละครับ บ้านผมปลูกเอง พ่นยาเอง ก็ยังกินเลย ผมเลยไม่อยากให้กลัวกันมากเกินไปนะครับ
สุดท้ายนี้เอาภาพพ่อผมมาฝาก 555 ถึงจะจบแค่ ม 6 แต่รับรองว่าความรู้และประสบการณ์การปลูกแตงโมไม่แพ้ใครแน่ๆ
แต่จะเป็นคนไหนเดากันดูนะครับ … คุณ Neung Ch ได้กล่าวไว้