ตลาดเกษตร
ชื่อกระทู้: เกษตรฯ เผยสต๊อกปาล์มมีนาคมสูงกว่าจุดวิกฤติ สศก. แจง มติอนุกรรมการฯ ให้หยุดการนำเข้า [สั่งพิมพ์]
โดย: tatiporn เวลา: 2015-3-5 15:52
ชื่อกระทู้: เกษตรฯ เผยสต๊อกปาล์มมีนาคมสูงกว่าจุดวิกฤติ สศก. แจง มติอนุกรรมการฯ ให้หยุดการนำเข้า
กระทรวงเกษตรฯเผย ปี 58 ผลผลิตปาล์มออกตลาด 12.57 ล้านตัน เริ่มออกสู่ตลาดแล้วมีนาคมนี้คาดปริมาณผลผลิตออกมากสุดเมษายนไปจนถึงพฤษภาคมแจงสิ้นเดือนมีนาคมสต๊อกสูงกว่าจุดวิกฤต ด้าน สศก. ระบุ คณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันมีมติร่วมกันไม่มีความจำเป็นจะต้องนำเข้าน้ำมันปาล์มเพิ่มเติมอีก
นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ปาล์มน้ำมันปี 2558 ซึ่งคาดว่าผลผลิตปาล์มน้ำมันจะออกสู่ตลาดทั้งสิ้น12.57 ล้านตัน ซึ่งจากการลงพื้นที่ในจังหวัดกระบี่และสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อติดตามสถานการณ์พบว่า ผลผลิตปาล์มน้ำมันเริ่มออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคมและจะมีปริมาณมากสุดในเดือนเมษายนต่อเนื่องไปถึงเดือนพฤษภาคม 2558 ประกอบกับกรมการค้าภายในได้มีการตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์มดิบ ณวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์ 2558พบว่า มีปริมาณ 123,947 ตันเมื่อรวมกับปริมาณน้ำมันปาล์มที่จะออกสู่ตลาดในเดือนมีนาคมอีกประมาณ151,137 ตันทำให้ผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบเดือนมีนาคม อยู่ที่275,084 ตัน โดยเมื่อหักปริมาณการบริโภคโดยตรงและใช้ในอุตสาหกรรม 80,000 ตัน ใช้ผลิตพลังงานทดแทน 35,000 ตันและส่งอออก 5,000 ตันแล้ว สิ้นเดือนมีนาคมนี้ จะมีสต็อกน้ำมันปาล์มดิบ 155,084 ตัน ซึ่งเป็นระดับสต๊อกที่สูงกว่าจุดวิกฤติ (ความต้องการใช้115,000 ตันต่อเดือน)
ดังนั้นคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาด ในคราวประชุมเมื่อวันที่2 มีนาคม 2558 จึงมีมติร่วมกันว่า ไม่มีความจำเป็นจะต้องนำเข้าน้ำมันปาล์มเพิ่มเติมอีกและให้ติดตามสถานการณ์การผลิตปาล์มน้ำมันอย่างต่อเนื่อง หากผลผลิตปาล์มน้ำมันยังออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นหรือมีสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้นก็จะปรับสัดส่วนการใช้น้ำมันปาล์มในการผลิตไบโอดีเซลให้กลับไปเป็นบี 7 ได้ตามปกติและเพื่อไม่ให้เกษตรกรได้รับผลกระทบปัญหาทางด้านราคากระทรวงเกษตรและสหกรณ์มุ่งหวังให้เกษตรกรขายผลปาล์มสดทั้งทะลายที่มีคุณภาพและได้รับราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ5 บาท จึงขอให้เกษตรกร เกษตรกรให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพทะลายปาล์มน้ำมัน ไม่ตัดปาล์มดิบซึ่งมีผลทำให้อัตราน้ำมันที่สกัดได้ต่ำลง
นอกจากนี้จากการศึกษาของ สศก. พบว่า การขายผลผลิตปาล์มน้ำมันของเกษตรกรรายย่อยส่วนใหญ่ จะผ่านจุดรับซื้อ หรือที่เรียกว่า “ลานเท” ซึ่งจะมีการแยกผลปาล์มร่วงออกจากทะลายรวมถึงการใส่สิ่งเจือปนและ รดน้ำเพื่อเพิ่มน้ำหนักทำให้ผลปาล์มทั้งทะลายที่ส่งเข้าโรงงานสกัดไม่มีคุณภาพ อัตราการสกัดน้ำมันต่ำซึ่งอัตราการสกัดน้ำมันจากผลผลิตปาล์ม 12.57 ล้านตัน ถ้าลดลงร้อยละ 1 จะมีผลทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจลดลงประมาณ7,700 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศมาเลเซีย ที่สามารถสกัดน้ำมันได้อัตราเฉลี่ยร้อยละ20.04 (ปี 2556) ในขณะที่ประเทศไทยสามารถสกัดได้อัตราเฉลี่ยร้อยละ 17.54 แต่ในปัจจุบันประเทศไทยมีผลอัตราการสกัดเพียงร้อยละ14-15 เท่านั้น (มกราคม – กุมภาพันธ์ 2558)
ทั้งนี้คณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาด ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดของแต่ละจังหวัดเข้ากำกับและตรวจสอบลานเท เพื่อไม่ให้มีการแยกผลปาล์มร่วงออกจากทะลายปาล์ม โดยในส่วนการตัดปาล์มดิบของเกษตรกรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ในท้องที่แต่ละจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้เกษตรกรเห็นความสำคัญของการตัดปาล์มสุกต่อไป
****************************
ข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ / ข้อมูล :สำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร
ยินดีต้อนรับสู่ ตลาดเกษตร (http://www.farmthailand.com/webboard/) |
Powered by Discuz! X3.1 |