สภาพอากาศคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการทำเกษตรกรรมในประเทศไทย และเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ยากที่สุด
เพราะไม่สามารถคาดการณ์สภาพอากาศที่แม่นยำได้ จนทำให้เกิดความเสียหายทางการเกษตรต่างๆ รวมถึงทำให้ได้ผลผลิตไม่ตรงตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ที่ไม่ได้เตรียมพร้อมในการรับมือกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้ปัจจุบันเรามีตัวช่วยให้กับเหล่าเกษตรกรรับมือกับสภาพอากาศที่แปรปรวนได้ดีขึ้น โดยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการทำการเกษตร เพื่อการบริหารจัดการฟาร์มด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลาย หรือที่เราเรียกว่าระบบ SmartFarm โดยอาศัยจากการใช้เทคโนโลยี IoT (Internet of Things) ซึ่งจะประกอบไปด้วยตัวเซนเซอร์วัดค่าต่างๆ
“ฟาร์มไทยแลนด์” หนึ่งในผู้นำด้านระบบสมาร์ทฟาร์มโดยนำเทคโนโลยี IoT มาปรับใช้เพื่อช่วยให้เกษตรกรไทยสามารถแก้ไขปัญหา เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพผลผลิต โดยหนึ่งในจุดเด่นที่สำคัญของระบบสมาร์ทฟาร์มจากฟาร์มไทยแลนด์คือ เซนเซอร์ โดยฟาร์มไทยแลนด์มีเซนเซอร์มากกว่า 30 ชนิด
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เราตั้งใจคิดค้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรไทย คือ สถานีตรวจวัดสภาพแวดล้อมและตรวจวัดสภาพอากาศ (Weather station) เป็นเทคโนโลยีระบบตรวจวัดด้วยเซนเซอร์แบบเครือข่ายไร้สายและควบคุมอัตโนมัติ เพื่อสามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในพื้นที่ทำการเกษตร และยังเป็นเครื่องมือเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศและการเพาะปลูกโดยใช้เซนเซอร์ถึง 8 ชนิด ที่สามารถวัดค่าต่างๆ ได้มากมาย ทั้ง วัดอุณหภูมิในอากาศ วัดความชื้นในอากาศ วัดค่าความเข้มของแสง วัดทิศทางลม วัดความเร็วลม วัดความเร็วลมกรรโชก วัดปริมาณน้ำฝน วัดค่าความเข็มของแสงยูวี โดยเซนเซอร์เหล่านี้จะทำงานควบคู่กับบอร์ดควบคุม FarmPress ที่มีการเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ต ทำให้สามารถควบคุมอุปกรณ์ในพื้นที่การเกษตรได้อย่างอัตโนมัติและสามารถจัดเก็บข้อมูลบน Cloud ได้อีกด้วย โดยเกษตรกรสามารถดูการแสดงผลค่าต่างๆ บนแอพพลิเคชั่น FarmPress ที่อัพเดททุก 1 นาที หรือจะส่งข้อมูลเข้าอีเมล์เพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อ จึงทำให้เกษตรกรรับรู้ปัญหาต่างๆ ได้แม่นยำยิ่งขึ้น สามารถนำไปพัฒนาผลผลิตควบคุมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก และรับมือกับปัญหาสภาพอากาศแปรปรวน หรือปัญหาโรคระบาดได้ดีมากยิ่งขึ้น
เห็นมั้ยละว่าเกษตรกรยุคใหม่จะไม่ใช่การเกษตรที่อาศัยจากคาดเดา จากการสังเกตตามธรรมชาติอีกต่อไป…
แต่การเกษตรยุคใหม่จะต้องรู้จักปรับตัวให้เท่าทันเทคโนโลยี รู้จักการวิเคราะห์ รู้จักการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ทำให้สามารถนำข้อมูลย้อนหลังมาเปรียบเทียบตามหลักสถิติได้อย่างแม่นยำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผลผลิตมากขึ้น หรือแม้กระทั่งการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ควบคุมดูแลในระบบต่างๆ ในการทำสวน โรงเรือน และฟาร์ม เพื่อความสะดวกสบาย การลดการใช้แรงงานคน และยังช่วยให้ประหยัดเวลามากขึ้นอีกด้วย